ฮ่องกง ที่ไร้หวังของคนบั้นปลาย

ประเทศฮ่องกง หนึ่งในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนติดอันดับต้นๆ ของโลกใบนี้ ประเทศที่ได้รับการขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศศิวิไลซ์ ที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง และสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ และโรงแรมที่พักระดับหรูๆ หรือแม้แต่ร้านอาหารระดับมิชิลิน

ซึ่งประเทศฮ่องกงนี้ ยังถูกยกให้เป็นประเทศของเศรษฐกิจโลกอีกประเทศหนึ่ง

เพราะนักธุรกิจมาจะมาที่เพื่อเจรจาธุรกิจ ห้างร้านแบรนด์ดังๆ ระดับโลกมากมาย ทยอยเข้ามาเปิดร้านค้าเพื่อดูดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยือนประเทศนี้ หากมองในภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศนั้น ก็ถือว่าเป็นอีกจุดที่ช่วยให้คนประเทศฮ่องกงนั้นมีแหล่งที่ทำมาหากิน มีเงินใช้จ่ายในแต่ละเดือน ซึ่งถ้าใครเคยมาประเทศนี้จะเห็นได้ว่า คนที่นี่จะแต่งตัวกันดูดี และขับรถราคาแพงๆ ในย่านของนักท่องเที่ยวและแหล่งช๊อปปิ้ง แต่หากถ้าใครเคยมีเวลา ปลดปล่อยละสายตาของตัวเองจากร้านค้าดังๆ หรือร้านอาหารเด็ดๆ และมองไปตามตรอกซอกซอยที่ค่อนข้างเล็กและแคบ พวกคุณจะมองเห็นคนสูงวัยทั้งหญิงและชาย อยู่ตามละแวกนั้น พร้อมกับรถเข็นหนึ่งคัน ที่เหมือนเป็นเครื่องมือทำมาหากินประจำตัวของพวกเค้า ใช่ครับ!! เพราะในแต่ละวัน คุณตาย คุณยาย จะใช้เวลาในการก้มๆ เงย คอยเก็บขยะ

และนำไปแลกกับเงินประทังชีวิตในแต่ละวัน เพราะหากถ้าพวกเราลองสังเกตดีๆว่า ประเทศฮ่องกงนี้ เหมือนมีความเหลื่อมล้ำระหว่างประชาชน เพราะทางคนรวยก็จะรวยไปเลย แต่ถ้าจน ก็แทบจะไม่มีอะไรกิน หากพวกคุณได้ลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเดินนอกเมืองหรือมีโอกาสได้นั่งรถออกไปย่านชานเมือง พวกคุณจะเห็นตึกรามบ้านช่องที่เรียงรายสูงๆ และเก่าๆ ที่ดูเหมือนแฟลต ที่ประเทศบ้านเรา ซึ่งในตึกนั้นก็จะถูกซอยออกเป็นย่อยๆ หลายๆ ห้อง พอที่จะให้ซุกนอนกันได้ และที่นี่คือที่อยู่ของคนกลุ่มนั่น ที่ต้องหาเช้ากินค่ำ

หรือแม้แต่แก่ตัวแล้วก็ต้องมาอาศัยทีนี่ ซึ่งอาจจะด้วยเป็นวัฒนธรรมที่ค่อนข้างแปลกที่คนฮ่องกง มักจะมีลูกแล้วเมื่อลูกโต ออกไปใช้ชีวิตครอบครัวของตนเอง โดยไม่ได้หันหลังมามองผู้ที่ให้กำเนิดพวกเค้า

หรือบางคน ในชีวิตวัยทำงาน ก็จะทำแต่งานหาเช้ากินค่ำ เดือนชนเดือนไปเรื่อย โดยไม่ได้มีคู่ชีวิตหรือบุตรหลาน ไว้ดูแลพวกเค้ายามพวกเค้าแก่ตัวเรา เมื่อถึงวันที่เค้าชรา เค้าจึงไม่เหลือใคร และด้วยความเหลื่อมล้ำที่ได้กล่าวไปแต่แรก ที่ทำงานหากินไปแต่ละเดือนและไม่ได้มีเงินเก็บ พอถึงวัยบั้นปลาย เค้าจึงไร้ความหวังที่จะกล่าวต่อไป