หมวดหมู่: ข่าวเศรษฐกิจ

แนวทางธุรกิจอีเว้นท์ หลังจากรัฐบาลปลดล็อกดาวน์

          ตอนนี้ธุรกิจหลายอย่างต่างก็ได้กลับมาเปิดกิจการกันใหม่แล้ว หลังจากที่รัฐบาลได้ทยอยให้มีการเปิดกิจการมา แต่ก็กลับมาเปิดกิจการใหม่ในช่วงหลังจากที่มีการระบาดของไวรัสโควิดอย่างหนักนั้น ทางรัฐบาลเองก็มีข้อเรียกร้องให้เจ้าของกิจการทำตามเงื่อนไขในการเปิดซึ่งการเปิดกิจการนั้นนั้นด้วย ซึ่งเงื่อนไขส่วนใหญ่ก็จะเป็นในเรื่องการดูแลด้านสาธารณะสุขกับลูกค้าที่มาขอรับบริการ

ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารที่ต้องมีการจำกัดจำนวนผู้ที่เข้าไปนั่งภายในร้านและโต๊ะเก้าอี้ก็ต้องมีการนั่งแยกห่างกันและยังต้องมีการทำฉากกั้นกันเอาไว้เพื่อป้องกันการนั่งติดกันอีกด้วย ซึ่งแต่ละธุรกิจจะได้มีเงื่อนไขเหมือนกันนั่นก็คือการที่จะทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกค้าที่มาใช้บริการเว้นระยะห่างระหว่างกัน

หากพูดถึงเรื่องการเว้นระยะห่างแล้ว หากว่าธุรกิจจัดงานอีเว้นท์ได้รับการปลดล็อกให้กลับมาจัดงานได้ แต่หากต้องมีเงื่อนไขเรื่องการเว้นระยะห่างนั้น ก็จะทำให้ธุรกิจนี้ดำเนินการต่อไปไม่ได้เช่นกัน เพราะการจัดงานอีเว้นท์ผู้จัดงานต้องการเน้นจำนวนคนให้มาร่วมงานให้มากที่สุดเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจของตัวเองที่ต้องเสียเงินมาจัดงานนั้นมีรายได้

ดังนั้นหากมีการจำกัดจำนวนคน ค่าจัดงานกับยอดเงินที่จะได้เข้ามาหลังจากที่มีการจัดงานคงไม่สมดุลกันซึ่งแน่นอนว่าการจัดงาน การจัดกิจกรรมแต่ละครั้งนั้นต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาลเลยทีเดียวแต่หากเราคนที่เป็นเจ้าของงานกลับต้องมาถูกกำจัดสิทธิ์คนเข้างานให้เหลือน้อยลงนั้นก็คงไม่มีใครอยากที่จะจัดงานอย่างแน่นอน

และยิ่งในสถานการณ์ตอนนี้ เศรษฐกิจยังคงมีปัญหาอยู่มาก ทำให้หลายบริษัทต้องรัดเข็มขัดบริษัทของตัวเอง  การที่จะเงินมาจัดงานแล้วคำนวณยอดรายได้น้อยกว่าเงินที่เสียไปนั้น ก็คงไม่มีใครอยากจัดงานอีเว้นท์แล้วทีนี้ธุรกิจที่เปิดมาเพื่อรับจัดงานอีเว้นท์ต่อให้รัฐบาลอนุญาตให้มีการเปิดกิจการได้แล้ว แต่ก็คงยังพบปัญหาไม่มีงานเข้ามาอยู่ดี

ธุรกิจก็ต้องขาดทุนและต้องปิดกิจการอยู่ดีนั่นเอง ดังนั้น หากมีการประกาศเรื่องของการปลดล็อกให้มีการดำเนินกิจการได้ ก็ไม่ควรจะมีการมาจำกัดขอบเขตของการจัดงาน ไม่เช่นนั้นแล้ว ต่อให้มีการเปิดกิจการไปก็คงไม่มีงานเข้ามาอยู่ดี และหากยังคงเป็นเช่นนี้ไม่น่าจะเกินสามเดือนเจ้าของธุรกิจจัดงานอีเว้นท์ก็คงจะต้องพากันทยอยเดินทางไปแจ้งขอปิดธุรกิจกันจนหมดอย่างแน่นอน

 

 

สนับสนุนโดย  Alpha88 เครดิตฟรี

ธนาคารกรุงไทย เตรียมแผนการบริหารธุรกิจใหม่เพื่อเป็นการลดต้นทุน

           สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบันนั้นไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะแค่ประชาชนและบริษัทหรือแม้แต่โรงแรมเท่านั้นหากแต่ด้านธนาคารเองก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันเนื่องจากด้วยเศรษฐกิจของประเทศไทยที่ไม่ดีแบบนี้ทำให้ประชาชนนั้นไม่มีรายได้พอที่จะไปทำการใช้หนี้ธนาคารไม่ว่าจะเป็นพวกหนี้บัตรเครดิตหรือแม้แต่นี่ของการกู้เงินซื้อบ้านต่างๆ

ดังนั้นธนาคารเองก็จะต้องมีการวางแผนการในอนาคตของตนเองเช่นเดียวกันในการที่จะเตรียมรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้นซึ่งตอนนี้สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทยนั้นยังไม่แน่นอนว่าจะดีขึ้นเมื่อไหร่ดังนั้นทางธนาคารกรุงไทยจึงได้มีการวางแผนในการที่จะทำการลดต้นทุนของธนาคารด้วย

การที่จะมีการลดจำนวนสาขาลงเป็นการรวมสาขาหลายๆสาขาหากอยู่ใกล้กันก็จะเอามารวมไว้เป็นจุดเดียวกันเพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับทางธนาคารกรุงไทยนั่นเองซึ่งแน่นอนว่าจากข้อมูลเบื้องต้นที่ทางธนาคารกรุงไทยคำนวณจำนวนสาขาที่จะมีการควบรวมออกมานั้นมีมากถึงประมาณเกือบร้อยสาขาเลยทีเดียวโดยทางธนาคารกรุงไทยมองว่าในช่วงเวลานี้ประชาชนส่วนใหญ่นั้นยังไม่ค่อยไปทำธุรกรรมด้านการเงิน เช่นการฝากเงินหรือการถอนเงินสักเท่าไหร่

เนื่องจากว่าสภาพคล่องของแต่ละครัวเรือนนั้นก็ยังไม่ค่อยมีรายได้เข้ามามากนักอีกทั้งปัจจุบันนั้นมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินหรือฝากเงินผ่านตู้อัตโนมัติที่ธนาคารมีการเรียนไว้หรือสามารถทำผ่านทางแอพพลิเคชั่นผ่านมือถือก็ได้ดังนั้นเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาจำนวนพนักงานที่เป็นคนในการทำธุรกรรมให้กับลูกค้าจึงลดน้อยลงได้เช่นเดียวกันแต่อย่างไรก็ตามทางธนาคารกรุงไทยมองว่าถึงแม้ว่าทางธนาคารจะมีการลดจำนวนสาขาลงก็ตามแต่ก็ยังจะยังคงรักษาสถานะจำนวนพนักงานเอาไว้

ซึ่งพนักงานเหล่านั้น แต่ยังคงทำงานให้กับทางธนาคารกรุงไทยได้โดยให้ใช้เป็นการย้ายไปทำธุรกรรมด้านอื่นแทน ซึ่งแน่นอนว่าพนักงานเหล่านั้นก็จะต้องมีการเรียนรู้กับเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อที่จะได้มาปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่ทางธนาคารจะมีเข้ามาใหม่ๆเพื่อบอกคอยบริการลูกค้าอย่างไรก็ตามเบื้องต้น

นั้นทางธนาคารมองว่าในทุกๆปีก็จะมีพนักงานที่มีอายุครบวัยที่จะต้องเกษียณงานอยู่แล้วที่จะลาออกจากตำแหน่งดังนั้นเบื้องต้นทางธนาคารจะยังไม่มีการปลดพนักงานออกหรือร่มเกล้าพนักงานแต่อย่างใดแต่ถ้าเกิดว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้นในอนาคตก็อาจจะมีการเลิกจ้างได้เช่นเดียวกัน 

สำหรับแนวทางการดำเนินการรูปแบบใหม่ของทางธนาคารนั้นอาจจะเป็นลักษณะของการที่ให้พนักงานนั้นสามารถที่จะทำงานอยู่ที่บ้านได้โดยใช้เงื่อนไขของการทำงานแบบ work from home ซึ่งก่อนหน้านี้เคยได้มีการทดลองให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้านแล้วพบว่าประสิทธิภาพการทำงานไม่ได้ด้อยไปกว่าการทำงานที่ทางธนาคารเลย

ดังนั้นเราสามารถลดค่าใช้จ่ายของทางสาขาของแต่ละธนาคารได้ซึ่งพนักงานเองก็จะได้ลดเวลาในการเดินทางดังนั้นการทำงานรูปแบบใหม่ที่ธนาคารกรุงไทยมีการคิดเอาไว้ก็จะให้สอดคล้องกับพฤติกรรมสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทยเช่นเดียวกัน

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  ทางเข้าsagame

เปิดธุรกิจการท่องเที่ยวและคิดว่าโรงแรมจะไปรอดหรือไม่

    ตอนนี้ประเทศไทยถือว่ามีการคลายล็อคเกือบหมดแล้วธุรกิจต่างๆสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้ตามปกติจะมีเหลือแค่บางประเภทเท่านั้นที่ยังคงติดอยู่ก็คือกลุ่มธุรกิจ สถานบันเทิงนั่นเองอย่างไรก็ตามตอนนี้ธุรกิจที่กำลังจับตามองมากที่สุดก็คือธุรกิจการโรงแรมซึ่งตอนนี้เราเปิดการท่องเที่ยวทุกภาคและทุกจังหวัดให้นักท่องเที่ยวนั้นสามารถไปท่องเที่ยวได้ตามปกติแล้วและยังมีโครงการจากรัฐบาลออกมาที่เป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวด้วยการออกโครงการจะแจกเงินให้ประชาชนนั้นไปเที่ยวฟรีซึ่งจะมีการแจกให้ประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป

และมีการลงทะเบียนแน่นอนว่าเงื่อนไขที่ออกมานั้นจะเป็นการแจกคูปองสำหรับที่พักเพื่อหนุนกิจการโรงแรมต่างๆให้มีรายได้แต่ถึงแม้ว่าเราจะมีการหนุนจากรัฐบาลให้นักท่องเที่ยวนั้นออกไปท่องเที่ยวตามต่างจังหวัดและพักตามโรงแรมต่างๆแต่ก็ใช่ว่าโรงแรมที่รัฐบาลมีการร่วมกันกลับทางโรงแรมนั้นจะไปโรงแรมที่น่าสนใจของลูกค้าเพราะบางโรงแรมนั้นก็มีค่าใช้จ่ายสูงเกินความจำเป็นและบางครั้งช่วงเวลาของการหยุดก็ไม่ใช่เป็นวันหยุดยาวทำให้การไปเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆนั้นเชื่อว่านักท่องเที่ยว

ส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ได้เริ่มไปเที่ยวในช่วงเวลานี้ส่วนมากการไปเที่ยวก็จะเน้นการไปเที่ยวใกล้บ้านแบบไปเช้าเย็นกลับซึ่งมันก็จะมีผลกับธุรกิจโรงแรมว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่ได้ลูกค้าที่เข้าพักในโรงแรมและทำให้ถึงแม้ว่าเปิดโรงแรมมาได้แล้วรายได้ของโรงแรมก็จะไม่ดีขึ้นอย่างแน่นอน

เพราะถ้ายังมีคนออกไปเที่ยวแต่เข้าพักในโรงแรมน้อยก็ไม่ได้ส่งผลให้ธุรกิจการโรงแรมดีขึ้นซึ่งทางโรงแรมนั้นอาจจะต้องมีโปรโมชันออกมาให้หลากหลายเพื่อเป็นการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวนั้นอยากจะเที่ยวและเข้าพักในโรงแรมของตนเองซึ่งตอนนี้ก็มีโรงแรมขนาดใหญ่ระดับ 5 ดาวออกมามากมายในการดึงดูดลูกค้าให้ไปพักในโรงแรมถึงขนาดที่หั่นราคาจากราคาที่พักหลักหมื่นลดลงมาเหลือหลักพันเลยทีเดียว

แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์ทางด้านการเงินของแต่ละคนในตอนนี้นั้นการที่จะต้องใช้เงินจำนวนมากในการไปเที่ยวนั้นอาจจะเป็นเรื่องยากพอสมควรเพราะหลายคนนั้นก็จะต้องมีการเก็บเงินเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินเพราะไม่รู้ว่าในอนาคตนั้นการระบาดของไวรัสโคโรนาจะกลับมาอีกหรือไม่หากใช้เงินทุ่มเทไปกับการท่องเที่ยวหมดในช่วงนี้

ถ้าเกิดว่าเชื้อไวรัสโคโรนาระบาดรอบสองรอบแล้วก็จะสร้างผลเสียให้กับประชาชนเป็นอย่างมากเพราะเงินนั้นจะถูกใช้จ่ายออกไปหมดแล้วจะการท่องเที่ยวดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงมักจะมีการสำรองเงินไว้เพื่อใช้จ่ายในช่วงนี้ก่อนจึงทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวช่วงนี้อาจจะยังไม่ดีเท่าที่ควร

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  betbb

เศรษฐกิจการท่องเที่ยวไทยจะไปรอดหรือไม่ภายในปีนี้

         อย่างที่เราทราบกันดีว่าตอนนี้ทางรัฐบาลเองกำลังพยายามกระตุ้นเกี่ยวกับเรื่องของการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยเพื่อให้ประชาชนนั้นพากันออกไปท่องเที่ยวยังต่างจังหวัดกันมากขึ้นเพื่อหวังที่จะให้มีรายได้เข้ามา เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ดีขึ้นแต่อย่างไรก็ตามหากเทียบกันแล้วระหว่างรายได้ของประเทศทางด้านการท่องเที่ยวในปีอื่นๆที่ผ่านมานั้นสำหรับรายได้การท่องเที่ยวภายในประเทศไทยกับรายได้การท่องเที่ยวระหว่างประเทศงั้น

การท่องเที่ยวระหว่างประเทศถือว่าสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยได้มากกว่าเลยลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยนั้นก็จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนและชาวยุโรปและอเมริกาซึ่งปัจจุบันนี้นักท่องเที่ยวชาวจีนนั้นเริ่มที่จะต้องการออกมาท่องเที่ยวยังต่างประเทศแล้ว

โดยยังคงมองประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่อยากจะมาเที่ยวส่วนหนึ่งนั่นก็เพราะว่าประเทศไทยนั้นสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาได้แล้วทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมั่นใจว่าหักมาเที่ยวที่ประเทศไทยเขาจะปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าแน่นอนเพราะระบบการป้องกันของประเทศไทยเกี่ยวกับเชื้อโรคนั้นค่อนข้างมีประสิทธิภาพ

หากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในหลายๆประเทศทั้งในแถบเอเชียและอเมริกาหรือยุโรปก็ตามแต่อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ตอนนี้ประเทศไทยเองยังไม่ได้มีการเปิดให้นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยเปิดเฉพาะการท่องเที่ยวในประเทศไทยเท่านั้นซึ่งการเปิดให้นักท่องเที่ยวเที่ยวภายในประเทศจะไม่สามารถที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวได้มากเท่าที่ควรเพราะอย่าลืมว่าในสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าเมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมานั้น

ประชาชนส่วนใหญ่ขาดแคลนรายได้เพราะต้องหยุดงานอยู่แต่ที่บ้านเพราะฉะนั้นเงินค่าใช้จ่ายในการที่จะนำออกมาเที่ยวนั้นจึงไม่ค่อยมีถึงแม้รัฐบาลจะมีการออกโครงการช่วยเหลือให้นำเงินของรัฐบาลออกไปท่องเที่ยวเองก็ตามแต่ก็ไม่เพียงพอต่อการที่จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาดีได้เหมือนเดิม

เพราะฉะนั้นถ้าเกิดรัฐบาลยังคงมีการปิดประเทศไม่ให้ต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวนั่นก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยนั้นแต่ยังคงไม่รอดพ้นวิกฤตในช่วงนี้อย่างแน่นอนเพราะสิ่งที่จะทำให้สถานะเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้นดีขึ้นจำเป็นที่จะต้องมีการเปิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามารายได้ของประเทศไทย

จึงจะมีมากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นปัญหาที่ทางรัฐบาลจะต้องรีบตัดสินใจว่าจะสามารถเปิดให้ประเทศไทยนั้นรับท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศได้เมื่อไหร่เพราะเมื่อปิดนานบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องของการท่องเที่ยวก็จะยิ่งประสบปัญหามากขึ้นและจะปิดตัวปิดกิจการมากขึ้นแน่นอนว่าในอนาคตหากมีการเปิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศก็จะยังได้รับผลกระทบเพราะว่าไม่มีบริษัทการท่องเที่ยวเปิดให้บริการนั้นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   sagame เอเชีย

ไข้โควิด 19 ทำให้อัตราการฆ่าตัวตายลดลงจริงหรือไม่?

สิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ล้วนมีความไม่แน่นอน วันนี้รวย พรุ่งนี้อาจจะจน และวันนี้จน พรุ่งนี้รวย ก็มีให้เห็นกันเยอะไป แต่สิ่งหนึ่งบนโลกใบนี้ที่หลายๆคน ไม่สามารถยอมรับมันได้นั่นคือ ความเปลี่ยนแปลงกะทันหัน และยิ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลง ยิ่งทำให้มนุษย์หลายๆ คนยิ่งรับไม่ได้ บางคนอาจหาทางออกและจบลงด้วยการฆ่าตัวตาย ซึ่งมีเคสแบบนี้หลายๆครั้ง

เกือบทุกประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ที่มีอัตราการเสียชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายสูงเป็นอันดับต้นๆ ในโลก แต่ตั้งแต่มีปัญหาการแพร่ระบาดไข้โควิด 19 นั้น อัตราการฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่นกลับลดต่ำลงมาที่สุดในรอบ 5 ปี ซึ่งถืวว่าเป็นเรื่องน่าแปลกและสวนกระแสสังคม เพราะหากดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้แล้วนั้น

ความเครียดน่าจะมีเพิ่มขึ้นมากกว่าทวีคูณ แต่ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าจากสถิติการฆ่าตัวตายของคนญี่ปุ่นนั้นส่วนใหญ่เกิดจากความเครียดของการทำงาน การเรียน หรือแม้แต่การถูกกลั่นแกล้งและรวมไปถึงการแข่งขันต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการฆ่าตัวตายมากที่สุด แต่พอเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดขึ้น

มาทำให้ต้องมีการปิดประเทศและเกิดการมาตรการปิดโรงเรียน และทำงานจากที่บ้าน จึงอาจทำให้เกิดการพบปะกันระหว่างเพื่อนร่วมงาน และเพื่อนร่วมเรียนน้อยลง จึงอาจจะทำให้บรรยากาศความเครียดนั้นน้อยลงไป แต่ก็ไม่รู้ว่าหากสถานการณ์กลับมาปรกติแล้วนั้น อัตราการฆ่าตัวตายจะกลับไปสูงเพิ่มขึ้นเหมือนเดิมหรือเปล่า เพราะอันที่จริงแล้ว

จากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากผลกระทบของไข้ไวรัสโควิด19 นี้ ไม่ได้หมายความว่า คนญี่ปุ่นไม่ได้มีการฆ่าตัวตายเลย เพียงแต่ว่าอาจจะน้อยลง แต่ก็ถือเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เกิดเรื่องขึ้นมานั้น ถือว่าเป็นเคสอุทาหรณ์ที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับใครจริงๆ และเป็นข่าวดังไปทั่วญี่ปุ่น ด้วยเจ้าของร้านหมูทอดทงคัตสึแห่งหนึ่ง

ซึ่งเป็นร้านชื่อดังในโตเกียวและเปิดขายมาอย่างยาวนานกว่า 50 ปี แม้ร้านจะมีปัญหาเรื่องการเงินอยู่บ้าง แต่ก็ยังประคับประคองมาได้ และปีนี่ทั้งครอบครัวก็คิดว่าน่าจะเป็นปีที่ดีของพวกเค้า เพราะด้วยความที่เจ้าของร้านวัย 54 ปี ชอบวิ่งมาราธอนเป็นชีวิตจิตใจ พอรู้ว่าญี่ปุ่นมีการเปิดรับสมัครวิ่งคบเพลิงกีฬาโอลิมปิก เค้าไปลงสมัครและได้รับเลือกเป็นตัวแทน

ซึ่งเค้าคิดว่าจะช่วยให้เค้าได้โปรโมตร้านทงคัตสึของเขา และมั่นใจว่าจะขายดีอีกครั้งแน่นอน แต่ภัยโควิด ก็ทำให้โอลิมปิก ต้องถูกยกเลิกไป สุดท้ายสิ่งที่เค้าคาดหวังก็พังทลายลง และจบชีวิตตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย คำถามที่ว่าโควิดจะทำให้อัตราการตายในญี่ปุ่นลดลงจริงหรือ อาจจะไม่แน่ต่อไปซะแล้ว

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน แจกเครดิตฟรี ไม่ต้องฝาก

มนตรีกระทรวงดิจิตอลอยากทำ thaiflixออกมาสู้ netflix 

     กำลังเป็นแนวคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิตอลแห่งประเทศไทยเมื่อมีความคิดว่าปัจจุบันนี้เกี่ยวกับเรื่องของแพลตฟอร์มในโลกออนไลน์ที่ประชาชนคนไทยกำลังใช้งาน Social Media อยู่ในขณะนี้นั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นแบบฟอร์มที่ทำมาจากต่างประเทศโดยเฉพาะไม่ว่าจะเป็นการดูหนังออนไลน์หรือแม้แต่การใช้พวก Social Media เช่นลาย   Line  Facebook Instagram

หรือแม้แต่ Twitter สิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นแพลตฟอร์มที่ทางต่างประเทศนั้นมีการสร้างขึ้นมาแล้วเราคนไทยก็ไปใช้บริการซึ่งทางด้านรัฐมนตรีกระทรวงดิจิตอลเล็งเห็นแล้วว่าอยากจะให้ประเทศไทยนั้นมีแพลตฟอร์มขึ้นมาเป็นของตัวเองอย่างเช่นตอนนี้มีความคิดที่จะมีการสร้างคู่แข่งของ netflix

ขึ้นมาซึ่งทางด้านกระทรวงดิจิตอลเองอยากจะให้มีการทำเป็น thaiflix  จะออกมาเป็นคู่แข่งกับ netflix ซึ่งปัจจุบันนี้รายได้จากการโฆษณานั้นทางต่างประเทศจะเป็นคนได้รับส่วนแบ่งค่อนข้างเยอะเนื่องจากว่าคนไทยนั้นนิยมใช้ Social Media กันเป็นจำนวนมากดังนั้นจึงเล็งเห็นแล้วว่าหากเรามีการทําแอพพลิเคชั่นเป็นของประเทศไทยเองและประชาชนคนไทยก็สนใจในการใช้งานแอปพลิเคชันของไทยดังนั้นยอดส่วนแบ่งทางการตลาด

หรือค่าโฆษณาที่จะได้รับนั้นคนไทยก็จะได้รับมาเต็มๆซึ่งจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยให้ดีขึ้นนั่นเองสำหรับความคิดเรื่องของ Application  thaiflix  นั้นมีแนวความคิดว่าจะทำเลียนแบบลักษณะการทำงานของ netflix นั่นก็คือสามารถที่จะให้ประเทศอื่นๆเข้ามาชมแอปพลิเคชันนี้ได้ซึ่งเราก็จะได้โฆษณาจากต่างประเทศ

ที่มีการซื้อลิขสิทธิ์ของแอปพลิเคชันนี้ไปซึ่งนี่จะเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยเหมือนกับที่ต่างประเทศนั้นมาได้รายได้จากประเทศไทยในการโฆษณาโดยทางรัฐมนตรีกระทรวงดิจิตอลมองว่า Application ส่วนใหญ่นั้นผลิตมาจากประเทศจีนหรือแม้แต่ผลิตมาจากประเทศอื่นๆพวกเขามักจะได้รับกำไรมหาศาลจากการที่คนไทยเข้าไป

ใช้บริการแอพพลิเคชั่นนั้นซึ่งใน Application เองก็มีเป็นภาพยนตร์ของคนไทยรวมอยู่ด้วยดังนั้นแทนที่ Content นั้นที่เป็นของคนไทยจะมาสร้างกำไรให้กับคนไทยเองแต่ถูกไปสร้างกำไรให้กับต่างประเทศเช่นประเทศจีนทำให้มองว่านี่คือการเสียเปรียบในเรื่องของการใช้งานแอปพลิเคชันดังนั้นการสร้าง Application thaiflix ขึ้นมานั้นจะเป็นการสร้างกำไรให้กับประเทศไทยรวมถึงเรายังสามารถนำออกไปขายให้กับต่างประเทศได้อีกด้วย 

                          สำหรับแนวความคิดนี้ค่อนข้างที่จะเป็นแนวความคิดที่มีประโยชน์แต่ก็ต้องมาดูว่าจะมีคนที่มีความสามารถที่จะสามารถสร้างแอพพลิเคชั่นแล้วเป็นที่ถูกใจผู้เล่นที่เป็นคนไทยหรือไม่เพราะหลายๆครั้งที่มีแอพพลิเคชั่นของคนไทยออกมาส่วนใหญ่แล้วชอบเน้นแนวความเป็นไทยมากเกินไปจนคนไทยนั้นไม่ค่อยนิยมที่จะใช้งาน Application มากนักและที่สำคัญเวลา Application มีปัญหาก็ติดต่อหรือแก้ไขปัญหาได้ยากดังนั้นคนไทยจึงไม่ค่อยนิยมที่จะใช้งาน Application ของคนไทยด้วยกันสักเท่าไหร่นั่นเอง

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน บาคาร่า

บิ๊กซีมีรายได้จากการที่ประชาชนได้รับเงินเยียวยาเกษตรกรมาซื้อของ

        ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการจัดการของบริษัทบิ๊กซีได้ออกมาเผยถึงยอดรายได้ของทางบิ๊กซีที่กำลังมีรายได้เข้ามามากในขณะนี้ว่ามีจำนวนผู้คนที่เข้าไปซื้อของบิ๊กซีกันเป็นจำนวนมากซึ่งคาดว่าเงินที่นำมาซื้อของจากทางห้างบิ๊กซีนั้นน่าจะเป็นเงินเยียวยาเกษตรกรรวมถึงเงินช่วยเหลือชาวเกษตรกรที่ทางรัฐบาลได้มีการออกให้กับประชาชนเนื่องจากว่าหลังจากที่มีเงินช่วยเหลือเกษตรกรออกมานั้นทางบิ๊กซีได้รับยอดการสั่งซื้อจากลูกค้ามากขึ้นไม่ว่าจะเป็นซื้อสินค้าข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ

รวมถึงพวกคอมพิวเตอร์แล้วก็โน๊ตบุ๊คและพัดลมซึ่งสินค้าที่ขายได้นั้นจะเป็นสาขาที่เกิดขึ้นที่ต่างจังหวัดซะส่วนใหญ่จึงบอกได้ว่าคนต่างจังหวัดได้รับเงินเยียวยาเกษตรกรแล้วนำเงินเยียวยา 5 พันบาทที่ได้รับนั้นมาซื้อของใช้ที่ห้างบิ๊กซีนั่นเองเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่สภาวะทางการเงินของทางบิ๊กซีนั้นก็กลับมาดีขึ้นบิ๊กซี

มีรายรับเข้ามามากขึ้นส่งผลให้พนักงานของบิ๊กซีก็ไม่จำเป็นต้องตกงานในขณะที่เกษตรกรเองที่ได้รับเงินซื้อมาพวกเขาก็นำมาซื้อของในห้างบิ๊กซีและนำไปใช้จ่ายในครัวเรือนของพวกเขาเองก่อนหน้านี้ทางห้างบิ๊กซีนั้นได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงของการระบาดของไวรัสโคโรนาเพราะเกษตรกรส่วนใหญ่ตามบ้านต่างจังหวัดนั้นไม่มีเงินที่จะมาซื้อข้าวของเครื่องใช้ในห้างบิ๊กซีเลยทำให้ยอดการขายสินค้าในห้าง Big C ลดลงเป็นอย่างมากเลขเด็ดว่าทุกแผนกของห้างบิ๊กซีนั้น

แทบจะขายสินค้าออกไม่ได้เลยทีเดียวสำหรับลูกค้าในต่างจังหวัดแต่หลังจากที่ต่างจังหวัดได้รับเงินเยียวยาเกษตรกรออกมาเมื่อคืนนี้ออกมาแล้วมีหลายคนที่นำเงินดังกล่าวมาซื้อสินค้าภายในห้างบิ๊กซีสินค้าส่วนที่สามารถขายได้นั้นจะเป็นสินค้าเฟือยเช่นพัดลม    ปรับอากาศ  คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คและโทรศัพท์มือถือซึ่งหลายคนมองว่าสินค้าฟุ่มเฟือยที่ประชาชนเข้ามาซื้อนั้นส่วนหนึ่งอาจจะมาจากที่อากาศร้อนทำให้จำเป็นต้องซื้อแอร์กับพัดลมแต่ในเรื่องของ Notebook

และมือถือนั้นอาจจะเกิดมาจากการที่ประชาชนนั้นจะต้องซื้ออุปกรณ์เหล่านี้ไปให้บุตรหลานของตนเองนั้นได้เอาไว้ใช้เรียนออนไลน์ที่ทางรัฐบาลได้มีการเปิดออกมาเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคมนั่นเองอย่างไรก็ดีหลังจากที่ประชาชนได้มีเงินเขามาจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้นส่งผลให้ยอดขายของบิ๊กซีนั้นมีการเจริญเติบโตมากขึ้นในช่วงเดือนเมษายนจนถึงพฤษภาคมนี้

ยอดการสั่งซื้อของบิ๊กซีเนินสูงขึ้นถึง 40 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวดังนั้นทางบิ๊กซีเองก็จะต้องมีการปรับโปรโมชั่นเพื่อเรียกลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมโดยจะมีการลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลอีกครั้งหนึ่งเพื่อต้อนรับลูกค้าที่จะเพิ่มในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ก็น่าจะไปรถเกี่ยวกับเรื่องของเครื่องเรียนนักเรียนนักศึกษานั้นเอง

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนัน แจกเครดิตฟรี ไม่ต้องฝาก

จับตาประเทศเวียดนาม โอกาสใหม่ของนักลงทุน

หลังจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ ที่มีผลกระทบมากจากไข้ไวรัสโควิด19 ระบาดนั้น ส่งผลให้อุตสาหกรรมใหญ่ๆหลายๆประเทศนั้นมีอาการเซไปตามๆ กัน

โดยเฉพาะประเทศจีน ที่เป็นต้นกำเนิดเชื้อไวรัสโควิด ที่เริ่มต้นมาจากเมืองอู่ฮั่น ทำให้แหล่งการผลิตชิ้นส่วนหลายชนิดๆที่เดิมที่มีโรงงานมากมากอยู่ที่ประเทศจีนนั้น ต้องปิดตัวกันลงไป จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของนักลงทุน

และผู้ประกอบการที่อาจจะเริ่มมองแหล่งฐานทัพในการก่อสร้างหรือผลิตชิ้นส่วนประเทศใหม่เพิ่มขึ้น โดยที่ไม่ไปฝากความหวังไว้ที่ประเทศจีนประเทศเดียว เพราะจากประสบการณ์ล่าสุดทำเอาผู้ประกอบการหลายๆแห่งทั่วโลก

ถึงกับต้องหยุดชะงักในการขายสินค้ากันเลยทีเดียว ซึ่งล่าสุดเป้าหมายใหม่ของนักลงทุนทั้งหลายนั้นกลายเป็นประเทศเวียดนาม เพราะจากเดิมนั้นประเทศเวียดนามก็ถือเป็นประเทศที่ได้รับการจับตามองในจุดที่เป็นประเทศที่จะกลายเป็นฐานกำลังผลิตในประเทศต่อไปสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ และยิ่งล่าสุดนั้นได้รับคำชมจากองค์การอนามัยโลกด้วยว่าเป็นประเทศ

ที่มีมาตรการการแก้ไขและป้องกันการแพร่ระบาดของไข้ไว้รัสโควิด19 ได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งตอนนี้ก็มีข่าวแว่วมาจากบริษัท Apple ยักษ์ใหญ่จากอเมริกาว่า มีความสนใจที่จะมาเปิดโรงงานในประเทศเวียดนาม รวมไปถึงค่าย Samsung เบอร์หนึ่งของเกาหลีใต้ ก็เป็นอีกบริษัทที่ให้ความสนใจที่จะย้ายสายการผลิตมาเพิ่มเติมที่ประเทศเวียดนามเหมือนกัน

แต่ที่แน่ๆว่า คงไม่ใช่งานง่ายของประเทศเวียดนามแน่นอน เพราะหลังจากที่หลายๆ ประเทศรู้ข่าวว่า อุตสาหกรรมส่วนใหญ่กำลังจะถอนกำลังจากประเทศจีนนั้น ประเทศอื่นๆ เช่น ประเทศอินเดีย หรือมาเลเซีย รวมไปถึงประเทศไทยนั้น ก็พยายามจะขายข้อดีเสนอและเชื้อเชิญนักลงทุนอย่างเต็มที่ว่าให้มาลงทุนที่ประเทศตัวเอง

ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่า หากอุตสาหกรรมใหญ่ๆ นั้นถอนกำลังจากประเทศจีน อาจจะทำให้ประเทศจีน ที่เคยเป็นมหาอำนาจในการผลิต มีรายได้เข้าประเทศน้อยลงอย่างมาก จากผลกระทบของไข้ไวรัสโควิด19 ครั้งนี้ ที่นอกจากจะมีผลกระทบทางตรงตั้งแต่ตอนเริ่มระบาดแล้ว กำลังจะโดนผลกระทบทางอ้อม จากนักลงทุนต่างชาติที่กำลังพาเหรดนำเงินออกจากประเทศอีก

แต่กลับกลายเป็นอานิสงค์ของหลายๆ ประเทศที่จะมีโอกาสลืมตาอ้าปากกับเค้าบ้างโดยเฉพาะประเทศเวียดนาม ที่กำลังจะกลายเป็นม้ามืดช่วงชิงนักลงทุนให้มาลงทุนที่ประเทศและโกยเงินดอลล่าร์สร้างรายได้ให้กับประเทศอีกมากมาย ซึ่งจากที่เมื่อก่อนไม่มีใครรู้จักเวียดนาม แต่อีกห้าปีข้างหน้า เชื่อเหลือเกินว่า ประเทศเวียดนามจะกลายเป็นน้องๆจีน อย่างในปัจจุบันก็ได้ เพราะด้วยศักยภาพของพวกเค้าแล้วนั้น ถือว่าน่าจับตามองเลยทีเดียว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนันออนไลน์

แป้งเด็กจอห์นสันที่ขายในไทยไม่มีสารปนเปื้อนแต่อย่างใด

องค์การอาหารและยาออกมายืนยันแป้งเด็กจอห์นสันที่ขายในไทยไม่มีสารปนเปื้อนแต่อย่างใด

                องค์การอาหารและยาได้ออกมาเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องของแป้งเด็กจอห์นสันซึ่งเป็นแปลงที่ขายในประเทศไทยสำหรับเอาไว้ใช้โดยตัวในตัวเด็กเล็กนั้นทางอยยืนยันว่าไม่มีการพบสารปนเปื้อนแร่ใยหินอย่างเด็ดขาดสำหรับแป้งจอห์นสันที่ขายในประเทศไทยเนื่องจากก่อนหน้านี้ทางบริษัทจอห์นสันได้มีการออกมาประกาศเกี่ยวกับเรื่องของการเลิกขายแป้งจอห์นสันในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

ทำให้หลายคนเกิดความวิตกกังวลว่าตั้งเตือนสารที่มีการผลิตขายกันในประเทศไทยนั้นจะไม่ได้มาตรฐานและอาจจะก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงอย่างที่เกิดที่อเมริกาและแคนาดาหรือไม่ซึ่งทั้งนี้องค์กาอาหารและยาได้ออกมายืนยันว่าได้มีการตรวจสอบและเฝ้าระวังเป็นอย่างดียืนยันว่าที่ผลิตในประเทศไทยนั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอนเมื่อวันที่ 23 เดือนพฤษภาคมปีพศ. 2563

เราทุกคนได้รับข้อมูลผ่านทางสื่อเกี่ยวกับเรื่องของการประกาศยกเลิกการขายแป้งจอห์นสันที่ประเทศอเมริกาและแคนาดาโดยให้เหตุผลในการยกเลิกการขายแป้งจอห์นสันในครั้งนี้ว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะขายสินค้าที่ประเทศนี้ได้เนื่องจากว่าถูกกลุ่มแม่บ้านร้องเรียนเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับแป้งที่มีสารก่อมะเร็งโดยทางบริษัทจอห์นสันได้มีการยืนยันว่าแป้งของเขานั้น

ไม่ได้ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งแต่อย่างใดแต่ยังไงก็แล้วแต่เขาถูกฟ้องร้องหลายหมื่นคดีมากและส่วนใหญ่แล้วบริษัทจอห์นสันก็แพ้คดีจึงทำให้ทางบริษัทได้มีมติร่วมกันว่าจะมีการยกเลิกการขายบ้านจัดสรรในประเทศอเมริกาและแคนาดาในขณะเดียวกันก็มีรายงานข่าวนี้ออกมาทำให้ยอดการขายของแป้งจอห์นสันในประเทศไทยลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด

เนื่องจากคนไทยเองก็เกรงว่าแป้งจอห์นสันที่มีขายในเมืองไทยนั้นจะทำให้เกิดสารก่อมะเร็งเช่นเดียวกันดังนั้นทางองค์กรอาหารและยาจึงได้ออกมายืนยันว่าได้มีการคุมเข้มเรื่องของการผลิตแป้งของบริษัท Johnson & Johnson เพราะฉะนั้นให้ประชาชนวางใจได้เลยว่าจะไม่มีสารปนเปื้อนอย่างและใยหินอย่างแน่นอนดังนั้นคนไทยจะไม่มีทางที่จะป่วยเป็นโรคมะเร็งจากการใช้แป้ง Johnson & Johnson แน่ๆ

โดยผู้ผลิตในประเทศไทยนั้นได้มีการทำความสะอาดเป็นอย่างดีและทางอยเองก็ได้มีการวิเคราะห์ตัวแป้งทุบรายการยืนยันได้ว่าไม่มีการปนเปื้อนอย่างแน่นอนหลังจากที่มีข่าวออกมาทางอยเองก็ได้เป็นกังวลใจเป็นอย่างมากจึงได้มีการไปส่งตรวจว่าในแป้งแต่ละกลุ่มนั้นจะมีได้ใยหินปนเปื้อนอยู่หรือไม่ซึ่งหลังจากที่มีการสุ่มตรวจสอบโครงการตรวจสอบเรียบร้อยแล้วก็ไม่พบปัญหาดังกล่าว

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  bk8 mobile

หลังจากที่บริษัทการบินไทยถูกยื่นล้มละลาย

สองโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังปฏิเสธไม่ยอมรับการส่งตัวหากพนักงานการบินไทยเข้ามารักษาหลังจากที่บริษัทการบินไทยถูกยื่นล้มละลาย

    มีข้อมูลระบุออกมาเมื่อวันที่ 22 เดือนพฤษภาคมปีพศ. 2563 คือข้อความนี้ระบุว่ามีการออกมาจากทางบริษัทการบินไทยส่งตรงถึงพนักงานของการบินไทยทุกคนเกี่ยวกับเรื่องของการรักษาพยาบาลตามโรงพยาบาลที่เคยมีการContract กับโรงพยาบาลเอกชนและรัฐบาลไว้ประมาณ 10 กว่าโรงพยาบาลซึ่งโดยปกติแล้วหากพนักงานของทางการบินไทยไม่สบายก็สามารถที่จะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลที่ทางการบินไทยมีการคอนแทคเอาไว้โดยที่พนักงานนั้น

สามารถเข้ารักษาตัวแล้วมาเบิกค่าใช้จ่ายภายหลังได้แต่ในขณะนี้หลังจากที่บริษัทการบินไทยถูกทางรัฐบาลประกาศให้ยื่นฟ้องล้มละลายเพื่อทำการรีเซ็ตระบบการทำงานของการบินไทยใหม่นั้นทำให้มีโรงพยาบาลชื่อดังซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชนจำนวน 2 โรงพยาบาลได้ออกมาขอยุติการเป็นคอนแทคกับทางบริษัทการบินไทยซึ่งโรงพยาบาลทั้ง 2 โรงพยาบาลนั้น

ได้แก่โรงพยาบาลวิภาวดีและโรงพยาบาลกรุงเทพหลังจากที่ก่อนหน้านี้ทั้ง 2 โรงพยาบาลนั้นเคยเป็นคอนแทคกับบริษัทการบินไทยมาเป็นอย่างดีในขณะเดียวกันทางบริษัทการบินไทยก็ได้บอกกับพนักงานของตนเองเกี่ยวกับเรื่องของการยุติการเป็นคอนแทคในครั้งนี้ว่าพนักงานการบินไทยยังสามารถไปรักษาตัวที่ทั้ง 2 โรงพยาบาลได้ตามปกติเพียง

แต่ว่าจะต้องมีการนำเงินสำรองจ่ายด้วยตนเองและทางบริษัทไม่สามารถยืนยันได้ว่าเมื่อคุณไปจ่ายเงินกับทางโรงพยาบาลทั้ง 2 โรงพยาบาลนี้แล้วจะสามารถนำใบเสร็จมาเบิกจ่ายกับบริษัทได้หรือไม่แต่อย่างไรก็ดีของการบินไทยก็ยังสามารถไปรักษาพยาบาลโรงพยาบาลอื่นๆอีกประมาณ 10 โรงพยาบาลที่ยังคงมีการคอนแทคกับบริษัทการบินไทยอยู่ซึ่งอาจจะต้องมีการอัพเดทการเพิ่มเติมว่าจะมีโรงพยาบาลอื่นอีกหรือไม่ที่มีการยกเลิกสัญญาการส่งตัวพนักงานไปรักษาในครั้งนี้

สำหรับเรื่องราวในครั้งนี้คาดว่าผลกระทบที่เกิดกับพนักงานการบินไทยหลายร้อยคนเลยทีเดียวเนื่องจากว่าโรงพยาบาลทั้ง 2 โรงพยาบาลนั้นอยู่ใกล้กับพนักงานการบินไทยที่สนามบินดอนเมืองซึ่งส่วนใหญ่แล้วพวกเขามักจะมารักษาอาการป่วยที่ 2 โรงพยาบาลนี้เนื่องจากว่าใกล้กับที่ทำงานดังนั้นในครั้งต่อไป

ถ้าเกิดว่ามีอาการป่วยอีกพวกเขาหาหมอที่โรงพยาบาลทั้ง 2 โรงพยาบาลนี้จะต้องมีการสำรองจ่ายเองไปก่อนซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สะดวกอย่างมากสำหรับพนักงานการบินไทยแต่ถ้าเกิดว่าไม่สะดวกที่จะสำรองจ่ายเขาก็จะต้องไปโรงพยาบาลอื่นซึ่งอาจจะไกลจากที่ทำงานเป็นอย่างมากหลังจากที่มีการส่งข้อความจากทางบริษัทนี้

ส่งถึงพนักงานการบินไทยส่วนใหญ่ต่างก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการกระทำของทั้ง 2 โรงพยาบาลนี้เป็นอย่างมากโดยมีการมองว่าหลังจากที่ทางการบินไทยนั้นเริ่มตกลงก็เริ่มทำให้เห็นว่าผู้คนเริ่มพยายามถอยห่างแม้แต่เรื่องของการรักษาพยาบาลทางโรงพยาบาลก็ยังไม่ยอมช่วยเหลือ

 

สนับสนุนโดย  bk8 ฟรี เครดิต