หมวดหมู่: สังคมและเศรษฐกิจ

สังคมทางกายภาพ และ การดำรงชีวิต

วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องความสัมผัสระหว่างลักษณะทางกายภาพที่มีผลต่อสังคมในชุมชนแต่ว่าในตอนนี้เราไปทบทวนเรื่องสิ่งแวดล้อมทางกายภาพในชุมชนกันก่อนดีกว่าหลายคนก็อาจจะเคยอบรมทางด้านแวดล้อมและกายภาพของชุมชนมาบ้างแล้ว

สภาพแวดล้อมทางกายภาพของชุมชน ก็คือลักษณะที่ได้เกิดขึ้นมาเอง

โดยตามธรรมชาติ ของชุมชนที่ได้อยู่ร่วมกัน ซึ่งโดยมันได้แตกต่างกันไปตามภูมิประเทศ และ ภูมิอากาศ ซึ่งหมายความร่วมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและจากที่สิ่งที่เหล่ามนุษย์นั้นได้สร้างขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งโดยบ้านเรือนในแต่ละเภคก็จะสร้างที่อยู่อาศัยตามภูมิประเทศภูมิอากาศและในสภาพแวดล้อมทางกายภาพของชุมชนที่ได้อาศัยอยู่ ก่อนที่เราจะเข้าสู่เรื่องราวในวันนี้เราเองก็อยากให้ทุกๆคนนั้นได้ช่วยกันคิดว่าความสัมผัสของภูมิประเทศที่มีผู้คนได้อาศัยอยู่นั้นจะเกี่ยวกับอะไรกันบ้าง

ทุกๆคนในการดำรงค์ชีวิตของคนที่อยู่อาศัยภายในชุมชนในแต่ละภาคในแต่ละประเทศไทยนั้นล้วนแล้วแต่สัมผัสกับลักษณะภูมิประเทศและภูมิอาศัยของผู้คนที่ได้อาศัยอยู่ ซึ่งก็ได้รวมไปถึงการสร้างที่อยู่อาศัยการประกอบอาชีพและอาหารของคนในท้องถิ่นนั้นๆและวันนี้เราก็จะมาเหล่าเรื่องราวของความสัมพันธ์ของลักษณะทางกายภาพของสังคมในชุมชนในแต่ละภาคกัน

เรามาเริ่มกันที่ภาคเหนือ ที่ได้อยู่ตอนบนสุดของประเทศไทยเรา และคนที่ได้อาศัยอยู่ในภาคนี้ได้ตั้งถิ่นฐานเป็นแบบบ้านเรือนที่มีความมิดชิดเนื่องจากภูมิประเทศส่วนใหญ่แล้วล้วนจะเป็นภูเขาได้มีลมพัดผ่านมีอากาศที่เย็นสบาย และ ในการประกอบอาชีพของคนที่ได้อาศัยอยู่ที่นี้ก็จะได้ทาชีพเกษตรกรรมกันทั้งนั้นแต่ส่วนใหญ่นั้นนิยมมักชอบปลูกข้าวเหนียวกันจะมีข้าวเหนียวพันธ์ดี คือ ข้าวเหนียวสันป่าตองจะมีลักษณะที่ขาวสะอาด

และนิ่มอีกทั้งยังน่ารับประทานอีกด้วย และในอีกอาชีพหนึ่งที่ผู้คนแถวนั้นนิยมมักชอบทำกัน ก็คือ การทำสวนและปลูกสวนลำไย และ สวนลิ่นจี่ เป็นต้น และสำหรับภูมิภาคนี้จะเหมาะสำหรับที่จะทำอาชีพเกษตรกรรมเพราะทางด้านดินและน้ำดีและมีความอุดมสมบูรณ์และสำหรับในส่วนของการบริโภคผู้คนส่วนใหญ่มักจะชอบรับประทานข้าวเหนียว ซึ่งในภูมิประเทศในภาคเหนือยังได้มีแหล่งทรัพยากรทางธรรมชาติที่สำคัญ เช่น แร่ดีบุก ที่อยุ่จังหวัดเชียงใหม่

และ ถ่านหิน ที่จังหวัดลำปาง เป็นต้น สิ่งในข้อข้างต้นที่เราได้กล่าวออกมานี้ที่ภูมิประเทศที่ทางภาคเหนือนั้นยังมีแหล่งที่ยังอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทางทรัพยากรทางธรรมชาติอีกมากมายและได้เรียนรู้กับวิถีชีวิตของผู้คนที่ได้อาศัยอยู่ในภูมิภาคนั้นๆด้วย

 

สนับสนุนโดย  rb88

ทุกที่คือบ้าน 

ลอนดอน คือเมืองหลวงของประเทศอังกฤษ

และเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางสำคัญ และมีราคาที่ดิน ราคาบ้าน หรือราคาตึก และค่าเช่าต่างๆ ที่แพงติดเป็นอันดับต้นๆของโลก นั่นเพราะที่ดินที่นี่แพงมหาศาล เพราะหากย้อนไปดูราคาเมื่อปี 2007 ลอนดอน มีราคาที่ติดอยู่ที่ ตารางวาละ 4,470,000 บาท !!!  ไม่ต้องตกใจครับ คุณอ่านไม่ผิดหรอก เพราะนี่คือเรื่องจริง และยิ่งปีนี้คือปี 2020 คุณลองเดากันเอาเองว่าราคาที่ดินตอนนี้ราคาตารางวาละเท่าไหร่ ซึ่งหากเป็นประชาชนทั่วไปที่ทำงานรับจ้างหรือพนักงานออฟฟิศนั้น คงยากที่จะซื้อทิ่ดินเหล่านี้มาครอบครอง นั่นจึงเป็นโอกาสทองของนักธุรกิจต่างประเทศ หรือคนรวยที่มีฐานะในประเทศอังกฤษ พวกเค้าเหล่านั้นต่างเข้ามาจับจองและกว้านซื้อที่ดินพวกนี้ไปสร้างตึกสำนักงานออฟฟิศ บ้าน หรือ

อพาร์ทเมนระดับหรู โรงแรม และสโมสรกีฬา เอาไว้ให้เช่าหรือแบ่งขาย ซึ่งเมื่อทุกอย่างสร้างสิ่ง ด้วยมูลค่าที่ดินที่มีมหาศาล ประกอบกับค่าต้นทุนในการก่อสร้าง ราคาการซื้อขายจึงสูงลิ่วตามมูลค่าที่ลงทุนไป จึงทำให้มีคนจำนวนมากที่ไม่อาจเอื้อมถึงกับการเป็นเจ้าของกับสิ่งพวกนี้ นั่นจึงเป็นสาเหตุส่วนหนึ่ง ที่ทำให้เมื่อเราเดินทางไปประเทศอังกฤษ เมืองลอนดอนที่ได้รับการขนานนามว่า คือศูนย์กลางอีกเมืองหนึ่งของโลก ตามสองข้างทางเราจึงมักจะเห็นคนนอนข้างถนน คนเร่ร่อน และคนที่ไม่ที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง

รวมถึงคนที่เป็นขอทาน ก็เพราะเหตุผลค่าใช้จ่ายในการซื้อบ้านหรือห้องเช่าที่มีราคาแพง จนคนเหล่านี้ไม่สามารถมีเงินพอจะซื้อหรือเช่าได้ และหากเราได้มีโอกาสนั่งรถไปตามนอกเมืองชานเมือง ที่อยู่ล้อมรอบตามลอนดอน ที่โล่งตามทุ่งนา หรือหุบเขา เรามักจะเห็นบ้านหลังเล็กๆ หรือกระท่อมหลังน้อย ที่ปลูกเรียงรายกันไป รวมถึงสัตว์เลี้ยงวัว สวนผักผลไม้ ที่ปลูกไว้ตามหย่อมๆ ของแต่ละพื้นที่บ้านแต่ละหลัง ซึ่งหากมองด้วยสายตาจริงๆ แล้วนั้น พื้นที่ตรงนั้นไม่น่าจะถึง 10 ตารางเมตรด้วยซ้ำ

 

แต่ตรงนั้นก็คือพื้นที่ ที่คนส่วนใหญ่เรียกว่า พื้นที่ดำรงชีพของพวกเค้า เพราะด้วยความที่ค่าครองชีพสูงเค้าจึงต้องเลี้ยงสัตว์หรือปลูกพืชผักผลไม้ไว้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนบ้านหรือกระท่อมที่เค้ามาปลูก ณ ที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ของรัฐบาล หรือคนรวยใจดี ที่ได้ซื้อที่ดินเอาไว้ แล้วทำเป็นที่พักให้คนได้เข้ามาปลูกอาศัย ซึ่งทุกอย่างก็จะมีการคัดกรองจากหน่วยงานรัฐ หรือกลุ่มคนรวย ที่ตรวจสอบพื้นเพว่าเป็นคนรากฐานอังกฤษ และมีงานทำหรือไม่ เพราะที่ดินเหล่านี้เค้าจะไม่ให้คนเร่ร่อนที่ไม่มีจุดหมายหรือไม่ยอมทำงานจริงๆ เข้ามาอยู่ นั่นคือสิ่งที่อยากบอกว่า สำหรับอังกฤษที่ มีมูลค่าที่ดินสูงขนาดนี้ ทุกที่ก็คือบ้าน ของพวกเค้าจริงๆ